VALVE (วาล์ว) แนะนำวิธีการเลือกใช้งาน วาล์วชนิดแบบต่างๆว่าแต่ละชนิดมีการใช้งานแบบไหนบ้าง


วาล์ว (Valve) โดยทั่วไปแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้

1. วาล์วตัดตอน (Isolating Valve)

2. วาล์วกันกลับ (Check Valve)

3. วาล์วควบคุม (Control Valve)

4. วาล์วควบคุมแรงดันสูง (Maximum Pressure Control Valve)

 


  1. วาล์วตัดตอน (Isolating Valve)

ทำหน้าที่ใช้ในการ เปิด-ปิด ระบบเท่านั้น สามารถแบ่งตามชนิดที่ใช้ได้ทั่วไป ดังนี้

1.1. วาล์วประตูน้ำ (Gate Valve) ซึ่งแบ่งย่อยเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

1.1.1 Rising-Steam Gate Valve หรือ OS&Y Gate Valve

 

 

 

 

 

1.1.2 Non Rising-Steam Gate Valve

 

 

 

 

 

ข้อดี                                                                                    ข้อเสีย

1. ค่าความดันลดคร่อมที่วาล์วต่ำ                                     1. ไม่สามารถใช้งานของไหลที่เป็นของแข็ง

2. มีความแข็งแรงทนทานสูง                                           2. ไม่สามารถควบคุมการไหลได้

3. สามารถรับแรงดันได้สูง                                               3. ใช้งานได้ลักษณะ เปิดสุด – ปิดสุด เท่านั้น

4. ราคาถูก

 

1.2. บอลวาล์ว (Ball Valve)

 

ข้อดี                                                                                     ข้อเสีย

1. สามารถตรวจสอบลักษณะการเปิด-ปิดของวาล์วได้                      1. ใช้พื้นที่ในการติดตั้งมาก

2. บำรุงรักษาง่าย                                                                            2. ราคาสูงเมื่อวาล์วมีขนาดใหญ่

3. ใช้งานกับของไหลที่ตะกอนเปื้อนได้

4. ทนแรงดันใช้งานได้สูง


2. วาล์วกันกลับ (Check Valve)

ทำหน้าที่ควบคุมหรือบังคับทิศทางการไหลในระบบให้ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง สามารถแบ่งตามชนิดที่ใช้ได้ทั่วไป ดังนี้

2.1 สวิงเช็ควาล์ว (Swing Check Valve)

 

 

 

 

 

 

2.2  สปริงเช็ควาล์ว (Spring Check Valve)

 

 

 

 

 

 

2.3 ดูโอ เช็ควาล์ว (Duo Check Valve / Wafer Check Valve)

 

 

 

 

 

 

2.4 วาล์วหัวกระโหลก (Foot Valve)

 

 

 

 

 

 

ซึ่งการเลือกใช้งานในแต่ละชนิดของ Check Valve โดยทั่วไป ก็จะใช้ลักษณะตามตารางข้างล่างนี้


3. วาล์วควบคุม (Control Valve)

ทำหน้าที่ในการปรับและควบคุม อัตราการไหล, ความเร็ว, แรงดัน และอุณหภูมิ ของ ของเหลวและก๊าซ สามารถแบ่งตามชนิดที่ใช้ได้ทั่วไป ดังนี้

3.1 วาล์วปีกผีเสื้อ (ฺButterfly Valve)

 ใช้สำหรับ เปิด-ปิด และควบคุมอัตราการไหลของของเหลวในระบบ ซึ่งสามารถสังเกตุ การเปิดลิ้นวาล์วได้จากก้านวาล์ว

 

 

 

 

 

 

3.2  โกลบวาล์ว (Globe Valve)

ใช้สำหรับ ปรับปริมาณและ อัตราการไหลของของเหลวในระบบ

 

 

 

 

 

3.3 วาล์วหรี่ (Needle Valve)

ใช้สำหรับ ควบคุมอัตราการไหลของของเหลวที่ต้องการความละเอียดสูง

 

 

 

 

 

 

3.4 วาล์วลดแรงดัน (Pressure Reducing Valve)

ใช้สำหรับ ลดแรงดันในด้านขาเข้าวาล์ว เพื่อให้ได้แรงดันที่ต้องการในด้านออกของวาล์ว เพื่อใช้ในระบบ

 

 

 

 

 

 

3.5 โซลินอยด์วาล์ว (Solenoid Valve)

ใช้สำหรับ เปิด-ปิด วาล์วด้วยระบบไฟฟ้าผ่านทางแกนแม่เหล็กไฟฟ้าเหนี่ยวนำ

 

 

 

 

 

3.6 บาลานซ์ซิ่งวาล์ว (Balancing Valve)

ใช้สำหรับ ปรับและควบคุมอัตราการไหลในระบบ ที่ต้องการควบคุมและวัดอัตราการไหลอย่างชัดเจน

 

 

 

 


4. วาล์วควบคุมแรงดันสูง (Maximum Pressure Control Valve)

สามารถแบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้

4.1 วาล์วระบายแรงดัน (Relief Valve)

ใช้สำหรับ By-Pass หรือ ระบายของเหลวหรือก๊าซที่เกินออกจากระบบเพื่อรักษาแรงดันในระบบตามที่ตั้งค่าไว้

 

 

 

 

 

 

4.2  วาล์วนิรภัย (Safty Valve)

         ใช้สำหรับ ก๊าซหรือไอน้ำ ซึ่งวาล์วนิรภัยจะเริ่มเปิดเมื่อถึงความดันที่ตั้งไว้ และจะเปิดเต็มที่เมื่อความดันสูงกว่าค่าที่ตั้งไว้ 3% จากนั้น เมื่อความดันลดลงต่ำกว่า 3% ของแรงดันที่ตั้งไว้ วาล์วจึงปิด